น้ำมังคุดเข้มข้นผสมสมุนไพร 16
ชนิด ตราแซนเฮิร์บส์
มีประโยชน์ช่วยปรับสมดุล และฟื้นฟูบำรุงร่างกาย
ส่วนประกอบที่สำคัญได้แก่:
1. มังคุด
มังคุด ได้รับการยกย่องให้เป็น
"ราชินีแห่งผลไม้" สารสำคัญที่มีอยู่ในมังคุด คือ แทนนินและแซนโทน
สารแซนโทนมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ พบมากในเปลือกมังคุดและมีประโยชน์มากมาย จากการศึกษาวิจัยพบว่า
สารกลุ่มแซนโทนสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของอาการท้องเสีย
และการเกิดหนอง จึงสามารถใช้เป็นยาแก้ท้องเสีย ลดอาการอักเสบ และรักษาแผลได้
นอกจากนี้ยังพบฤทธิ์ในการทำลายเซลล์มะเร็งอีกด้วยการเลือกซื้อหรือบริโภคผลิตภัณฑ์จากมังคุดเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อ
สุขภาพนั้น
จึงควรเลือกบริโภคผลิตภัณฑ์มังคุดที่มีส่วนผสมของสารจากเปลือกมังคุดด้วย
หรือเลือกบริโภคน้ำมังคุดที่ได้จากการคั้นมังคุดทั้งผล
ซึ่งจะมีสีเข้มและรสฝาดกว่าปกติอีกด้วย
2. แครนเบอร์รี่ หนึ่งส่วนผสมที่ได้บรรจุในน้ำมังคุดแซนเฮิร์บส์
แครนเบอร์รี่ (Cranberries) เป็นหนึ่งในผลไม้ตระกูลเบอร์รี่
มีผลเล็ก ๆ สีแดงสด รสชาติหวานอมเปรี้ยวมักจะปลูกใน แถบประเทศอเมริกา และแคนาดา
แครนเบอร์รี่ เป็นผลไม้มหัศจรรย์ช่วยต้านการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
จากงานวิจัยล่าสุดพบว่าช่วยป้องกันโรคเหงือก และแผลในช่องท้องได้ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดระบุว่า
การรับประทานแครนเบอร์รี่จะ ช่วยลดจำนวนแบคทีเรียในปัสสาวะลงได้
แครนเบอร์รี่เป็นผลไม้ที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย จึงมีสรรพคุณในการรักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
3. พลูคาว หนึ่งส่วนผสมที่ได้บรรจุในน้ำมังคุดแซนเฮิร์บส์
พลูคาวมีชื่อวิทยาศาสตร์ ว่า Houttuynia
cordata Thunb. และชื่อพื้นเมืองอื่นๆได้แก่ : คาวตอง, คาวทอง,
ก้านตอง, เข้าตอง, คาวตอง,
คาวปลา เป็นพันธุ์ไม้ที่พบได้ทั่วไปในทวีปเอเชีย ทั้งต้น ราก และใบ ของพลูคาว
สามารถใช้ประโยชน์ได้หมด เรียกว่าเป็นยาสมุนไพรทั้งต้น
โดยนำมาต้มเพื่อดื่มเป็นเครื่องดื่มสมุนไพร หรือนำมาปรุงอาหารก็ได้ ช่วยกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันในผู้ป่วยมะเร็ง ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอก
ต้านการอักเสบ ช่วยทำให้แผลอักเสบหายเร็วขึ้น ช่วยในการไหลเวียนโลหิตในร่างกาย บำรุงระบบน้ำเหลือง ในประเทศจีนมีการใช้พลูคาวเป็นส่วนประกอบในตำรับยาผงสำหรับรับประทาน
เพื่อรักษาโรคมะเร็งทางเดินอาหารและมะเร็งทางเดินหายใจ รวมไปถึงเนื้องอกในรังไข่
มะเร็งปากมดลูก มะเร็งเต้านม และมะเร็งปอด และใช้พลูคาวเป็นส่วน
ประกอบในตำรับยารับประทานสำหรับยับยั้งและทำลายเซลล์
มะเร็งและเพิ่มภูมิต้านทาน
รวมทั้งใช้เป็นส่วนประกอบในตำรับยาจีนที่รักษาอาการข้างเคียงจากรังสีรักษา
และเคมีบำบัด
นอกจากนี้ยังพบสารสำคัญชื่อ เควอซิติน
ที่มีส่วนช่วยในการไหลเวียนโลหิตในร่างกายเป็นไปตามปกติ
จึงลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ และสารรูติน
ป้องกันการเกิดเส้นเลือดฝอยแตก พลูคาวยังช่วยต้านเชื้อแบคทีเรีย
บรรเทาอาการริดสีดวงทวาร โรคหัด และบรรเทาอาการโรคผิวหนังหลายชนิด
บำรุงระบบน้ำเหลือง เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันโรคให้กับร่างกาย
และช่วยบรรเทาอาการหอบ ไอ ขับเสมหะ และขับปัสสาวะ ปัจจุบัน
มีการสกัดสารสำคัญของพลูคาวมาช่วยในการบรรเทาอาการของผู้ป่วยโรคมะเร็งได้อีกด้วย
4. ฟักข้าว หนึ่งส่วนผสมที่ได้บรรจุในน้ำมังคุดแซนเฮิร์บส์
ฟักข้าว เป็นพืชอยู่ในวงศ์แตงกวาและมะระ
มีชื่อเรียกอื่นๆในบ้านเรา คือ ขี้กาเครือ ผักข้าว มะข้าว เนื้อในหนามีสีส้ม มีเมล็ด เนื้อผลสุกกินได้ รสชาติเนื้อฟักข้าวเหมือนมะละกอ
คนไทยจึงนิยมนำมาลวกหรือต้มให้สุก จิ้มน้ำพริก หรือใส่แกง
ส่วนใบอ่อนนำมานึ่งหรือลวกให้สุกกินกับน้ำพริก หรือนำไปปรุงเป็นแกง เช่น แกงแค
เป็นต้น เยื้อ
เมล็ดของฟักข้าวมีเบต้าแคโรทีนซึ่งมากกว่าแครอท 10
เท่ามีไลโคฟีนมากกว่ามะเขือเทศ 12 เท่ามีไลโคปีนมากกว่าผลไม้อื่นๆ
จึงถือว่าเป็นอาหารต้านมะเร็งที่ดีที่สุดชนิดหนึ่ง
โดยสรุปแล้วงานวิจัยของไทยและต่างประเทศพบว่า
เมล็ดแก่ของฟักข้าวมีโปรตีน มอร์มอโคลชิน-เอส และโคลชินิน-บี
มีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของไรโบโซม ซึ่งเป็นแหล่งผลิตกรดอะมิโน และต้านการเจริญของเซลล์มะเร็งหลายชนิด
และเยื่อเมล็ด
ฟักข้าวมีไลโคพีน มากกว่าผลไม้อื่นๆ ทุกชนิด
จึงช่วยต้านมะเร็งได้ดีที่สุด
5. เก๋ากี้ หนึ่งส่วนผสมที่ได้บรรจุในน้ำมังคุดแซนเฮิร์บส์
เก๋ากี้ หรือ โกจิเบอร์รี่ (Gogi
Berries) เป็นผลของต้นเก๋ากี้
เป็นผลไม้อีกชนิดหนึ่งที่นิยมใช้รับประทานกันในหมู่ชาวจีน ผลที่สุกแล้วจะมีสีแดงเหมือนเลือด
จึงได้อีกชื่อหนึ่งว่า ฮ่วยกี้ เป็นยาบำรุงชั้นดี ในอดีต
เป็นผลไม้บรรณาการที่ใช้ถวายแด่ฮ่องเต้ เก๋ากี้ เป็นยาบำรุงชั้นดี มีฤทธิ์ปานกลาง
รสหวาน เก๋ากี้ที่ดีต้องมีเม็ดใหญ่ สีแดง เนื้อหนา อ่อนนิ่ม รสหวาน การเก็บรักษา
ควรเก็บไว้ในที่แห้ง อย่าให้ชื้น ผล เก๋ากี้
อุดมไปด้วยสารอาหารที่ต่อต้านอนุมูลอิสระที่ทำลายเซลส์ ช่วยชะลอความชรา
ช่วยควบคุมน้ำตาลในเม็ดเลือดแดง เสริมสร้างการทำงานของหัวใจ บำรุงสายตา
เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย
6. องุ่นแดง หนึ่งส่วนผสมที่ได้บรรจุในน้ำมังคุดแซนเฮิร์บส์
องุ่น แดงมีสรรพคุณทางยาที่ดีหลายชนิด
สารอาหารที่สำคัญคือ น้ำตาล กลูโคส น้ำตาลซูโคส วิตามินซี เหล็ก และแคลเซี่ยม
มีฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญของเซลส์มะเร็งตับอ่อน และมะเร็งท่อ เป็นต้น สีแดงเข้มของผลองุ่นประกอบด้วยสารฟลาวโวนอยด์ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
องุ่นแดงมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ
เช่น วิตามิน ซี, บี, โปรตีน,
สารแอนโธไซยานิน, แมงกานีส, โปแตสเซียม
และอื่น ๆ มีแคลอรี่ต่ำ
แต่ใยอาหารสูง ช่วยป้องกันโรคหัวใจ, โรคมะเร็ง เสริมสร้างร่างกายให้ต่อต้านเชื้อโรค
และสมานแผลได้ดี องุ่นแดงก็มีรสชาติที่ดีเช่นเดียวกัน องุ่นแดงมีสารอาหารสำคัญ คือ
เรสเวอราทรอล (Resveratrol) ที่มีคุณสมบัติช่วยป้องกันโรคมะเร็ง
โรคหัวใจ ช่วยยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็ง
ทำลายพิษของสารก่อมะเร็ง และช่วยชะลอวัย และยังมีสารซาโปนิน (Saponin) ซึ่งเป็นสารช่วยลดการดูดซึมของคอเลสเตอรอลในกระแสเลือด
จึงช่วยป้องกันโรคหัวใจได้ และยังช่วยต้านแบคทีเรียไวรัส ป้องกันเนื้องอกได้ด้วย
7. มะขามป้อม หนึ่งส่วนผสมที่ได้บรรจุในน้ำมังคุดแซนเฮิร์บส์
มะขามป้อม (Indian Gooseberry) จัดเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพและเป็นสมุนไพรพื้นบ้านอีกชนิดหนึ่งเพราะมีสารต่อ
ต้านอนุมูลอิสระอย่างวิตามินซีสูงมาก
โดยประโยชน์มะขามป้อมหรือสรรพคุณมะขามป้อมนั้นมีมากมายและยังใช้ เป็นยารักษาโรคบางชนิดได้อีกด้วย
มะขาม ป้อมมีรสชาติถึง 5 รสด้วยกันคือ เปรียว หวาน เผ็ดร้อน ขม ฝาด
ในมะขามป้อม 1 ผลมีวิตามินซีสูงมาก ช่วยแก้ร้อนใน
แก้ท้องเสีย แก้โรคเรื้อน ลดความดันโลหิต แก้กระหายน้ำได้เป็นอย่างดี
ปัจจุบันมีการศึกษาประโยชน์ของมะขามป้อมมากขึ้น
ซึ่งทำให้เกิดการยืนยันสรรพคุณของเก่า และค้นพบของใหม่ๆ มากขึ้น เช่น
มะขามป้อมมีวิตามินซีสูงมาก กล่าวกันว่ามีมากกว่าแอปเปิ้ลถึง 160
เท่า และวิตามินซีในมะขามป้อมยังสามารถคงสภาพอยู่ได้แม้จะถูกทำให้แห้งหรือเก็บในสภาวะเย็นเป็นเวลานาน
การศึกษาในภายหลังช่วยให้เข้าใจเพิ่มขึ้นอีกว่า
ในผลมะขามป้อมมีสารพวกแทนนินและโพลี่ฟีนอล
ซึ่งช่วยป้องกันการเกิดออกซิไดซ์ของวิตามินซี จึงทำให้วิตามินซีรักษาสภาพไว้ได้นาน ดังนั้น
ทั้งปริมาณและคุณภาพของวิตามินซีในมะขามป้อมจึงไม่ต้องตั้งคำถามให้แคลงใจ
8. กระเจี๊ยบแดง หนึ่งส่วนผสมที่ได้บรรจุในน้ำมังคุดแซนเฮิร์บส์
น้ำกระเจี๊ยบแดง มีรสเปรี้ยว นำมาต้มกับน้ำ
เติมน้ำตาล ดื่มแก้ร้อนใน กระหายน้ำ
และช่วยป้องกันการจับตัวของไขมันในเส้นเลือดได้ มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ
ซึ่งช่วยลดความดันเลือด แต่สามารถคงเกลือแร่ไว้ในร่างกายได้ไม่ขับออกกับปัสสาวะหมด การศึกษาในมนุษย์เห็นได้ว่า
เมื่อดื่มน้ำกระเจี๊ยบปัสสาวะจะมีสารครีเอตินีน กรด ยูริก เกลือซิเทรต เกลือทาร์เรต แคลเซียม
โซเดียม โพแทสเซียม และฟอสเฟต ต่ำกว่าเมื่อไม่ได้ดื่ม น้ำกระเจี๊ยบมีพิษต่ำ
แต่ถ้าดื่มเข้มข้นมากติดต่อกันนานๆจะไม่เกิดผลดีต่อร่างกายจากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์
ดอกกระเจี๊ยบมีสารต้านอนุมูลอิสระมากในปริมาณใกล้เคียงกับบลูเบอร์รี่
เชอร์รี่และแครนเบอร์รี่ จึงอวยประโยชน์ด้านป้องกันมะเร็ง ชะลอแก่
และช่วยให้เส้นเลือดอ่อนนิ่ม ช่วยลดไขมันในเส้นเลือด ช่วยแก้อาการร้อนใน
ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ช่วยป้องกันหวัด ช่วยแก้อาการไอ
ช่วยในการย่อยอาหาร ใช้เป็นยาระบาย ช่วยหล่อลื่นลำไส้
ช่วยป้องกันโรคต่อมลูกหมากโตนอกจากนี้ได้บ่งสรรพคุณโดยไม่ได้ระบุว่าใช้ส่วนใด
ดังนี้คือ แก้อ่อนเพลีย บำรุงกำลัง บำรุงธาตุ แก้ดีพิการ แก้ปัสสาวะพิการ
แก้คอแห้งกระหายน้ำ แก้ความดันโลหิตสูง กัดเสมหะ แก้ไอ ขับเมือกมันในลำไส้
ลดไขมันในเลือด บำรุงโลหิต ลดอุณหภูมิในร่างกาย แก้โรคเบาหวาน แก้เส้นเลือดตีบตัน
9. คำฝอย หนึ่งส่วนผสมที่ได้บรรจุในน้ำมังคุดแซนเฮิร์บส์
ดอกคำฝอย มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Safflower,
False Saffron, Saffron Thistle มีชื่อเรียกแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่
เช่น คำยอง คำหยอง คำหยุม คำยุ่ง(ลำปาง), คำ คำฝอย ดอกคำ(ภาคเหนือ)
และหงฮัว(จีน) ดอกคำฝอย
มีกรดไลโนลิคแอซิดอยู่มากและสามารถช่วยลดไขมันในโลหิตได้เป็นอย่างดี
ช่วยบำรุงโลหิตหรือแก้โลหิตเป็นพิษ ช่วยฟอกเลือด
ในเมล็ดคำฝอย มีน้ำมันมาก สารในดอกคำฝอย พบว่าแก้อาการอักเสบ มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อบางตัวได้
ในประเทศจีน ดอกคำฝอย เป็นยาเกี่ยวกับสตรี
ตำรับยาที่ใช้รักษาสตรีที่ประจำเดือนคั่งค้างไม่เป็นปกติ หรืออาการปวดบวม
ฟกช้ำดำเขียว มักจะใช้ดอกคำฝอยด้วยเสมอ โดยต้มน้ำแช่เหล้า หรือใช้วิธีตำพอก
10. จันทน์เทศ หนึ่งส่วนผสมที่ได้บรรจุในน้ำมังคุดแซนเฮิร์บส์
ลูกจันทน์เทศเป็นผลไม้ที่มีรสชาติแปลก คือ
มีรสหวาน ร้อน สามารถนำมาตากแห้งใช้ทำเป็นลูกจันกรอบ
หรือนำมาเชื่อมกับน้ำตาลก็จะมีกลิ่นหอมหวานน่ารับประทาน
ช่วยแก้การอักเสบของทางเดินปัสสาวะและกระเพาะปัสสาวะ ใช้เป็นยาขับลมทำให้ลมหายใจมีกลิ่นสะอาดและแก้อาการผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร
ดอกจันทน์ (รกหุ้มเมล็ด) และลูกจันทน์ (เมล็ด) มีรสเผ็ดร้อนและมีกลิ่นหอม
เป็นยาร้อนเล็กน้อย โดยออกฤทธิ์ต่อลำไส้และม้าม
ใช้เป็นยาทำให้ธาตุและร่างกายอบอุ่น
ช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย แก้ธาตุอ่อน
11. แก่นตะวัน หนึ่งส่วนผสมที่ได้บรรจุในน้ำมังคุดแซนเฮิร์บส์
อีกหนึ่งพืชสมุนไพร ที่มีสรรพคุณสุดยอด
และกำลังมาแรงแซงโค้งในเวลานี้ คือ “แก่นตะวัน” เป็นพืชที่มีหัวใต้ดินคล้ายมันแกว
ลำต้นสูง 1.5-2.0 ม. ใบรีรูปไข่ บางพันธุ์มีขอบใบหยัก
มีขนตามกิ่งและใบ ดอกทรงกลมแบน สีเหลือง คล้ายดอกทานตะวัน หรือ บัวตอง แก่นตะวันมีส่วนประกอบของอินนูลินและฟรุคโตโอลิโกแซคคาไรด์ในปริมาณ
สูง ซึ่งสารทั้งสองชนิดมีคุณสมบัติเป็นใยอาหารชนิดละลายน้ำได้ดีกว่าใยอาหารชนิด
อื่นๆ จึงถูกแบคทีเรียย่อยสลายได้
กลายเป็นอาหารที่ดีของจุลินทรีย์ในลำไส้ใหญ่ของคน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งจุลินทรีย์ที่ส่งผลดีต่อสุขภาพ
นอกจากนี้ ยังมีคุณสมบัติความเป็นพรีไบโอติค ซึ่งเป็นแหล่งอาหารของจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
และช่วยลดจุลินทรีย์ที่ก่อโรค
โดยเกิดจากกระบวนการการหมักของสารที่มีอินนูลินและโอลิโกแซคคาร์ไรด์เป็นส่วนประกอบ
12. ทับทิม หนึ่งส่วนผสมที่ได้บรรจุในน้ำมังคุดแซนเฮิร์บส์
ทับทิม เป็นผลไม้เพื่อสุขภาพ
โดยประโยชน์ของทับทิม และสรรพคุณของทับทิมนั้นมีมากมาย ด้วยทับทิมนั้นเป็นผลไม้ที่มีรสหวานออกเปรี้ยว
น้ำทับทิมจึงมี วิตามินซี
สูงและยังประกอบด้วยเกลือแร่ต่างๆที่มีประโยชน์ต่อร่างกายจึงช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี
และนอกจากนี้ยังมีสรรพคุณเป็นเป็นยารักษาโรคได้อีกด้วย อย่างเช่น
บรรเทาอาการของโรคหัวใจ รักษาความมันโลหิตสูง ช่วยลดสภาวะการแข็งตัวขอเลือด
รักษาโรคท้องเดิน โรคบิด เป็นต้น
ทับทิม มีวิตามินมากมาย
ทั้งแมกนีเซียมและแคลเซียม มีประโยชน์ต่อระบบฟอกโลหิต
และระบบหมุนเวียนในร่างกายช่วยฟื้นฟูหัวใจและตับ ช่วยฟอกไตและท่อปัสสาวะ
ช่วยปรับฮอร์โมนในวัยหมดประจำเดือน
13. เชียงดา หนึ่งส่วนผสมที่ได้บรรจุในน้ำมังคุดแซนเฮิร์บส์
เชียงดา เป็นไม้เถาเลื้อย ใบเป็นใบเดี่ยว
รูปกลมรี ฐานใบมน ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ ดอกออกเป็นช่อ สีเหลืองอมส้ม
ดอกย่อยกลมเล็ก ผลเป็นฝักคู่ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Gymnema inodorum
(Lour.) Decne. ชื่ออื่นๆว่า ผักเซ็ง, ผักจินดา,ผักเจียงดา, ผักกูด,
ผักเซ่งดา, ผักม้วนไก่
เป็นผักพื้นบ้านทางเหนือของไทย และยังพบได้ในประเทศอื่นๆ เช่น อินเดีย ศรีลังกา
มาเลเซีย เวียดนาม จีน ญี่ปุ่น และแอฟริกากว่า 2,000
ปีมาแล้วที่ประเทศอินเดียใช้เชียงดาเป็นยาอายุรเวทในการรักษาโรคเบาหวาน
ในภาษาฮินดูเรียกเชียงดาว่า “Gurmar” แปลตรงตัวว่า “ผู้ฆ่าน้ำตาล”
หรือ “ผู้พิฆาตน้ำตาล” เพราะสามารถช่วยคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวาน
ทั้งชนิดพึ่งอินซูลิน
และไม่พึ่งอินซูลินได้ นอกจากนั้น ผักเชียงดายังมีคุณค่าทางโภชนาการสูง
ในยอดอ่อนและใบอ่อนมีวิตามินซีเบต้าแคโรทีน และสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณสูง
และผักเชียงดาคั้นน้ำสดมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ โดยสามารถ ป้องกันการทำลายดีเอ็นเอในเซลส์เม็ดเลือดขาว
มีการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์ ที่ค้นพบประสิทธิภาพกลไกออกฤทธิ์ในการลดน้ำตาลในเลือด
เช่น การศึกษาในมหาวิทยาลัยมัทราสประเทศอินเดีย ศึกษาผลของผักเชียงดาในหนูโดยให้สารพิษที่ทำลายเซลล์เบต้าในตับอ่อนของหนู พบว่า
หนูที่ได้รับผักเชียงดาทั้งในรูปของผงแห้งและสารสกัด
มีระดับน้ำตาลในเลือดกลับมาเป็นปกติภายใน 20-60
วัน ระดับอินซูลินกลับมาเป็นปกติ และจำนวนของเบต้าเซลล์เพิ่มขึ้น
14. ชาเจี่ยวกู้หลาน หนึ่งส่วนผสมที่ได้บรรจุในน้ำมังคุดแซนเฮิร์บส์
เจียวกู่หลาน ยังมีชื่อท้องถิ่นอื่นๆ อีกว่า
ปัญจขันธ์ เบญจขันธ์ “เจียวกู้หลาน” เป็นชาอีกชนิดหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย
โดยเฉพาะการนำมาใช้เพื่อป้องกันยับยั้งและบำบัดโรคหลายชนิด
เจียวกู้หลานมีชื่อเรียกหลายชื่อในหลายประเทศ คนไทยเรียกว่า “เบญจขันธ์”
ญี่ปุ่นเรียกว่า อะมาซาซูรู ที่แปลว่า ชาหวานจากเถา
ส่วนคนจีนเรียกว่า เซียนเถา หรือ โสมใต้ ที่ล่าสุด สถาบันวิจัยสมุนไพร
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และ องค์การเภสัชกรรม ได้มีโครงการวิจัยที่จะพัฒนาเจียวกู้หลานให้เป็นสมุนไพรต้านโรคอีกประเภทหนึ่งงานวิจัยในห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์พบว่า
ในใบชาเจียวกู้หลานมีสารสำคัญชื่อ Gypenosides ถึง
82 ชนิด ซึ่งมากกว่าที่มีในโสม 3-4
เท่า ผลการวิจัยของจีนและญี่ปุ่นพบสรรพคุณของ เจียวกู้หลาน
ตรงกันว่ามีสารที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้นอนหลับ ลดระดับไขมันในเลือด
เสริมระบบภูมิคุ้มกัน ยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็งบางชนิด ต้านการอักเสบ
และลดระดับความดันโลหิตสูง รวมทั้ง ลดระดับน้ำตาลในเลือด
โดยส่วนประกอบที่สำคัญอันหนึ่งก็คือ ซาโปนิน ที่มีอยู่ในเจียวกู้หลาน
มีคุณสมบัติในการลดอาการป่วยจากโรคตับอักเสบและโรคเบาหวาน
โดยเข้าไปช่วยกระตุ้นสร้างอินซูลินจากตับอ่อน จึงช่วยลดน้ำตาลในกระแสเลือดได้
15.ชะเอมเทศ หนึ่งส่วนผสมที่ได้บรรจุในน้ำมังคุดแซนเฮิร์บส์
ชะเอมเทศ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Glycyrrhiza
glabra Linn มาจากภาษากรีกแปลว่า “รากหวาน”
มีชื่อเรียกแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ เช่น กำเช่า
กำเช้า(จีน-แต้จิ๋ว), กันเฉ่า(จีนกลาง), ชะเอมจีน ชะเอมเทศเป็นสมุนไพรสำคัญที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มบำรุงพลังลมปราณ
นิยมนำมาใช้เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบย่อยอาหาร
และระบบการเผาผลาญภายในร่างกาย ช่วยการดูดซึมสารอาหารและการสร้างเม็ดเลือด
รวมถึงการเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง ในตำรายาไทยกล่าวถึงสรรพคุณของชะเอมเทศไว้ว่า
มีรสหวานชุ่มคอ มีสรรพคุณแก้ไข ขับเสมหะ ขับเลือดเน่า แก้กำเดาให้เป็นปกติ
บำรุงหัวใจให้ชุ่มชื่น ส่วนในตำรายาจีนบอกว่า ชะเอมเทศมีรสอมหวาน สุขุม
ค่อนข้างเย็นเล็กน้อย มีสรรพคุณระบายความร้อน ขับพิษ
ป้องกันและรักษาแผลในกระเพาะอาหาร ช่วยย่อยอาหาร แก้ไอ ขับเสมหะ ทำให้ชุ่มคอ
แก้อาการใจสั่น แก้ลมชัก
16. อบเชยจีน หนึ่งส่วนผสมที่ได้บรรจุในน้ำมังคุดแซนเฮิร์บส์
อบเชยเป็นสมุนไพรที่มีคุณสมบัติช่วยกระตุ้น
การทำงานในระบบการให้สัญญาณอินซูลิน (Insulin-Signaling System) และจะดีมากหากอบเชยได้ทำหน้าที่ก่อนจะนำกลูโคสเข้าสู่เซลล์
อีกทั้งยังสามารถใช้อบเชยร่วมกันกับฮอร์โมนอินซูลินได้ เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ ยังมีการค้นพบสาร MHCP ที่สามารถช่วยลดความดันโลหิตจากการทดลองในสัตว์ลงได้
และมีคุณสมบัติสำคัญที่เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อร่างกาย
จากผลการศึกษาวิจัยสำหรับการใช้อบเชยใน
กลุ่มผู้ป่วยเบาหวานได้ถูกตีพิมพ์ในวารสารของเดือนธันวาคม พ.ศ.2546
พบว่าการนำอบเชยมาใช้ผู้ป่วยโรคเบาหวานผู้ป่วยนั้นๆ มีระดับน้ำตาล
คลอเรสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในกระแสเลือดดีขึ้นระหว่าง 12-30%
จึงกลายเป็นผลที่น่าพอใจอย่างมากสำหรับการนำเอามาใช้เพื่อป้องกันและใช้ร่วม
กันกับยารักษาโรคเบาหวานในผู้ป่วยเบาหวานต่อไปได้อย่างปลอดภัย สรรพคุณของอบเชยนอกจากช่วยลดระดับน้ำตาลใน
เลือดได้ดีแล้ว ยังช่วยให้อาการในท้องดีขึ้น เช่น บรรเทาอาการท้องอืด จุกเสียดแน่น
ช่วยขับลม รักษาแผลในกระเพาะอาหาร แก้อาการท้องร่วง
ช่วยย่อยขับปัสสาวะและย่อยไขมัน โดยมีส่วนเข้าไปกระตุ้นการสร้างน้ำย่อยให้ผลิตออกมาเพื่อใช้สำหรับย่อยไขมัน
ให้มากขึ้นและเป็นไปได้ดีขึ้นนั่นเอง นอกจากนี้ อบเชยยังช่วยรักษาอาการอ่อนเพลีย
ทำให้ร่างกายสดชื่น
มีสารที่ช่วยต่อต้านเชื้อแบคทีเรียและช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ผู้
ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ ทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นผลงานจากการวิจัยของสหรัฐอเมริกที่ได้รับผลการยืนยันอย่างน่าไว้วาง
ใจมาแล้ว
17. ถั่งเช่า หนึ่งส่วนผสมที่ได้บรรจุในน้ำมังคุดแซนเฮิร์บส์
ถั่งเช่า หรือที่รู้จักกันว่า
ไวอากร้าแห่งเทือกเขาหิมาลัย หรือ ตังถั่งเช่า หรือ ตังถั่งแห่เช่า แปลเป็นไทยว่า
ฤดูหนาวเป็นหนอน ฤดูร้อนเป็นหญ้า หรือที่เรียกกันว่า หญ้าหนอน “ถั่งเช่า”
ถือได้ว่าเป็นยาสมุนไพรที่มีการใช้อย่างแพร่หลายในประเทศจีนนานนับศตวรรษ
มีสรรพคุณทางยาแผนโบราณที่ใช้กันแพร่หลายในประเทศจีนในเรื่องของกระตุ้นสมรรถภาพทางเพศ
และใช้เป็นยาบำรุงร่างกาย บำรุงอวัยวะภายใน เช่น ปอด ตับ และไต เป็นต้น มีสรรพคุณช่วยบำรุงร่างกาย
บำรุงกำลัง เพิ่มภูมิ ต้านทานโรค ทำให้ร่างกายสดชื่น
ช่วยแก้อาการอ่อนเพลีย ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย
ช่วยชะลอความแก่ชราและความเสื่อมของเซลล์ต่างๆในร่างกาย